ไดมอนด์ 101
คู่มือที่ดีที่สุดในการซื้อเพชรเม็ดแรกของคุณ!

เกณฑ์การแบ่งคุณภาพเพชร

เพชรของมณี มีคุณภาพเกณฑ์การแบ่งเพชรที่มีมาตรฐานโดยผู้เชี่ยวชาญ และผู้มีประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมเพชรโดยตรงมากกว่า 25 ปี พร้อมมาตรฐานจากสถาบัน GIA, HRD และ IGI
เรายึดถือ และมีความภาคภูมิใจในการรักษามาตรฐานของเกณฑ์การแบ่งคุณภาพเพชร ที่มีคุณภาพสูง พร้อมด้วยความโปร่งใส

การเจียระไนของเพชรจากธรรมชาติ เป็นตัวกำหนดการเกิดปฏิกิริยาการกระทบกับแสง.
การเจียระไนเพชรโดยมีกระบวนการตามมาตรฐาน นั้นทำให้เพชรมีลักษณะความสวยงาม รวมทั้งมีความเปล่งแสง เล่นไฟเป็นประกาย ซึ่งการเจียระไนเป็นวิธีที่ทำให้เพชรเกิดการสะท้อนแสง ส่งผลให้เห็นเป็นสี และเกิดความเปล่งประกาย.
เพื่อความสวยงามของเพชร การเจียระไนเพชรธรรมชาตินั้นต้องมีการผสมผสานระหว่างศิลปะและความแม่นยำ
การเจียระไนไม่ได้หมายถึงรูปร่างของเพชรเท่านั้น แต่หมายถึงคุณภาพของสัดส่วนการเจียระไน ความเงางาม และความสมมาตรของเพชรที่ถูกเจียระไนด้วย

การจัดเกรดเพชรของ MANEE โดยใช้คุณภาพการเจียระไนเป็นเกณฑ์เกณฑ์การแบ่งคุณภาพเพชรของมณี

รายละเอียดเพิ่มเติมของการเจียระไนเพชร:
การขัดเงา เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเจียระไนเพชร ในส่วนของการขัดเงาเพชรนั้น จะช่วยเพิ่มความแวววาวของเพชร

ความสมมาตร หมายถึงความแม่นยำในการเจียระไนเหลี่ยมเพชร หากถ้าการเจียระไนนั้นไม่มีความเสมอกัน ก็มีผลให้แสงที่จะตกกระทบมาที่เหลี่ยมเพชรนั้นๆมีความสวยงามลดลงมาได้


โดยปกติแล้วเกรดสีของเพชรธรรมชาติจะเป็นตัววัดว่าเพชรไม่มีสีหรือไม่ เพชรธรรมชาติส่วนใหญ่นั้นไม่มีสี แต่จริงๆแล้วมีโทนสีเหลืองหรือน้ำตาลเล็กน้อย ยิ่งมีสีน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งหายากและมีคุณค่ามากกว่า เพชรธรรมชาติจะถูกแยกคุณภาพระดับสีตั้งแต่ D (ไม่มีสี) ถึง Z (สีน้ำตาลหรือสีเหลือง) เพชรยังสามารถก่อตัวตามธรรมชาติในสีเกือบทุกสีเท่าที่จะทำได้เนื่องจากปัจจัยที่ปรากฏบนโลกเมื่อพวกมันก่อตัว สี "แฟนซี" ตามธรรมชาติเหล่านี้ส่วนใหญ่หายากจนมีราคาสูงมาก
การจัดเกรดเพชรของ MANEE โดยใช้สีเป็นเกณฑ์


เพชรธรรมชาติก่อตัวขึ้นลึกภายในโลก,และเป็นผลให้พวกเขามักจะมีเครื่องหมายที่ไม่ซ้ำกันที่เรียกว่าการรวมหรือตำหนิ เครื่องหมายทั่วไปเหล่านี้มักเป็นผลมาจากองค์ประกอบที่ไม่ใช่คาร์บอนหรือการหยุดชะงักในช่วงที่มีความร้อนสูงและความดันที่เพชรผ่านเข้าไป ในขณะที่ก่อตัวลึกลงไปในโลกและอาจพิจารณาแคปซูลเวลาขนาดเล็กที่บอกเล่าเรื่องราวการก่อตัวของเพชรธรรมชาติ
ความสะอาดของเพชรหมายถึงการไม่มีรอยตำหนิ หรือตำหนิเพชรธรรมชาติที่เกิดขึ้นโดยไม่มีสิ่งเจือปนใดๆ นั้นหาได้ยากมากและถือว่า “ไร้ที่ติ” เพชรที่หายากเหล่านี้เป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดในโลก
การจัดเกรดเพชรของ MANEE โดยใช้ความสว่างใสของเพชรเป็นเกณฑ์

คุณสามารถระบุสิ่งที่รวมอยู่ใ นเพชรต่อไปนี้:

กะรัตของเพชรธรรมชาติคือการวัดน้ำหนักของเพชร กะรัตมาจากชื่อของเมล็ด carob ซึ่งเป็นเมล็ดขนาดเล็กที่มีน้ำหนักเท่ากัน เมล็ดเหล่านี้ถูกใช้เพื่อปรับสมดุลในการค้าขายอัญมณีช่วงต้นก่อนที่จะมีการสร้างตัวชี้วัดกะรัตเป็นรูปแบบสากลของการวัด
เพชรกะรัตเต็มรูปแบบมีน้ำหนัก 200 มิลลิกรัม และเพชรกะรัตเต็มรูปแบบและเพชรธรรมชาติขนาดใหญ่กำลังกลายเป็นสิ่งที่หายากในวันนี้เนื่องจากปริมาณการผลิตลดลงอย่างต่อเนื่องและไม่พบการสะสมที่สำคัญในทศวรรษที่ผ่านมา
การจัดเกรดเพชรของ MANEE โดยใช้น้ำหนักเป็นเกณฑ์

กะรัต
เกรด
ขนาด (มม.)

กะรัต
เกรด
ขนาด (มม.)

รูปทรงของเพชรนั้นเสมือนกับเครื่องแสดงของความสามารถที่มีความชำนาญการ ซึ่งเพชรนั้นมีรูปทรงหลากหลายออกไปจากการเจียระไนด้วยความสร้างสรรค์ในศิลปะ ได้ออกมาเป็นเพชรรูปทรงแฟนซีต่างๆ
ในส่วนของเพชรทรงกลมที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากง่ายต่อการทำเครื่องประดับ แต่อย่างไรก็ตามความพึงพอใจในเพชรรูปทรงต่างๆนั้น ก็เป็นเรื่องของความชอบส่วนตัวแตกต่างกันไปตามแต่ละตัวบุคคล และลูกค้าทุกๆท่าน

ฟลูออเรสเซนต์หมายถึงคุณสมบัติพิเศษที่น่าหลงใหลอย่างหนึ่งของเพชร เมื่อฉายรังสีอัลตร้าไวโอเลตไปที่เพชรแล้วเพชรจะเรืองแสงขึ้นมาเป็นสีฟ้าด้วยระดับเฉดเข้มอ่อนลดหลั่นกันไป เพชรที่ไม่เรืองแสงเป็นสีฟ้าเมื่อฉายรังสียูวีผ่านนั้นมีน้อยมากประมาณ 20% ของเพชรทั้งหมดจึงทำให้เพชรไม่เรืองแสงหรือที่เราเรียกว่าเพชรไม่ติดฟลูนั้นหาได้ยากและมีมูลค่าสูง
คุณสมบัติฟลูออเรสเซนต์นี้กลับช่วยเป็นผลดีต่อเพชรที่ติดสีอมเหลือง (สีเกรด I-M) ทำให้เพชรที่มีสีอมเหลืองในเกรดสีเหล่านี้ดูสว่างและเปล่งประกายมากขึ้นเมื่อโดนรังสียูวี แต่หากเพชรเรืองแสงมากเกินไปหรือที่เรียกว่าเพชรติดฟลู (สีเกรด DEF) ก็จะทำให้เพชรมีสีออกไปทางขุ่นขาวหรือเรียกว่าสีมิลกี้เหมือนกับสีของนมนั่นเอง


ความวาวหรือเปล่งประกาย ความเปล่งประกายของเพชรเกิดจากการเล่นไฟและการความระยิบระยับของแสงที่ส่องผ่านเพชร ประกายเพชรเป็นสิ่งที่ใครๆก็ปรารถนาและเสาะแสวงหา มันสะท้อนถึงมูลค่าของเพชรอีกด้วยกล่าวคือเพชรที่เปล่งประกายมากก็ยิ่งมีราคาสูงมาก เพชรจะสวยหรือไม่สวยก็ขึ้นอยู่กับการสะท้อนของกลับของแสงที่ส่องกระทบเพชร หากมีแสงสะท้อนกลับมากเพชรก็ยิ่งแวววาวมาก แต่หากแสงไม่สะท้อนกลับมาที่ตาเราเลยก็แปลว่าเพชรนั้นไม่ค่อยมีประกายคือเป็นเพชรหมอง ไม่สวยงาม ดังนั้นการจะวิเคราะห์ว่าเพชรเม็ดหนึ่งๆสวยหรือไม่สวยก็ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยคือความแวววาวของเพชรกับสีขุ่นของเพชรหรือที่เราเรียกว่ามิลกี้นั่นเอง

ระดับความขุ่น ความขุ่น หมายถึง ความหม่นหรือความพร่ามัวในเนื้อเพชรซึ่งเป็นได้ทั้งสีขาวขุ่นหรือสีเทา ความหม่นของสีเพชรนี้เป็นอุปสรรคต่อการสะท้อนแสง ของเพชรคือมันจะมีลักษณะคล้ายเมฆลอยอยู่ภายในเพชร สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และแน่นอนว่าสีขุ่นในเนื้อเพชรนี้ส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าและราคาของเพชรด้วย

ตำหนิแบบเปิด
เราจัดเกรดของเพชรโดยแบ่งตามตำแหน่งที่เกิดตำหนิ::
ตำหนิที่หน้าเพชร – หมายถึงตำหนิที่พบบริเวณตรงกลางเทเบิ้ลหรือหน้าเพชรทำให้สามารถมองเห็นตำหนินั้นได้ง่าย
ตำหนิด้านในเพชร -หมายถึงตำหนิที่เกิดบริเวณที่เรียกว่า crown คือด้านบนของเพชรในส่วนที่เกินจากเกอร์เดิ้บหรือขอบเพชรขึ้นมา
โต๊ะ

ไซด์

จุดดำ
เราจัดเกรดเพช รโดยแบ่งตามปริมาณจุดดำที่อยู่ในเนื้อเพชรว่ามากหรือน้อย

ตำหนิประเภทอื่นๆของเพชร
เราจัดเกรดเพชรตามตำหนิของเพชรโดยแบ่งตำหนิเป็น 5 ประเภทดังนี้:
พินพ้อยหรือจุดเล็กๆในเนื้อเพชร (PP)
พินพ้อยท์คือจุดขนาดเล็กมากๆที่อยู่ในเนื้อเพชร เล็กจนเมื่อส่องด้วยลูปกำลังขยาย 10 เท่าแล้วก็ยังเห็นเป็นเพียงจุดเล็กๆ ส่วนมากมักเป็นจุดสีขาวแต่บางครั้งก็พบเป็นจุดสีดำ.
คลาวด์หรือก้อนเมฆ (CLD)
คลาวด์คือกลุ่มของพินท์พ้อยท์หรืออธิบายง่ายๆว่าเป็นกลุ่มของจุดเล็กๆในเพชรซึ่งกระจุกตัวเป็นก้อน บางครั้งอาจทำให้เพชรดูหมองหรือขุ่นได้ คลาวน์นั้นมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าต้องใช้เครื่องขยายหรือลูปเข้าช่วย.
คริสตัล (CRL)
คริสตัลคือแร่ธาตุอื่นๆที่ปะปนมากับเพชรในช่วงเวลาที่เพชรกำลังฟอร์มตัว คริสตัลสามารถมีได้หลายสีหรืออาจจะใสก็ได้ มีได้หลากรูปทรง จะเกิดเป็นคริสตัลจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้.
ขนนก (FR)
ขนนกคือรอยแตกเล็กๆที่อยู่ในเนื้อเพชร มีลักษณะเหมือนขนนก.
สเปรด (SPR)
สเปรดคือตำหนิที่เป็นรอยแตกในเนื้อเพชรเช่นเดียวกันกับขนนกแต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก.


ตำหนิแบบเปิด
ตำหนิแบบเปิดคือตำหนิที่เกิดขึ้นบนผิวหน้าของเพชรพอดีจึงเห็นได้ง่ายเราจึงเรียกมันว่าตำหนิเปิด ตารางด้านล่างนี้คือตำหนิแบบเปิด 5 ประเภท

ตำหนิจากการมีเหลี่ยมเพชรเกิน
ตำหนิจากการมีเหลี่ยมเพชรเกินนั้นหาได้ยากและส่วนมากเมื่อเจอก็จะแก้ไขได้โดยการเจียระไนให้มีเหลี่ยมตามมาตรฐานเพื่อเพิ่มความเปล่งประกายให้กับเพชร
