top of page

ประวัติศาสตร์ของราคาเพชร

เพชรคือสินค้าที่มีมูลค่าสูง ราคาอันสูงของเพชรจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เพชรกลายเป็นสินค้าลักซูรี่

บทความวันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลที่คุณอยากจะทราบทั้งหมดเกี่ยวกับราคาของเพชร โดยเราได้นำเรื่องราวของราคาเพชรมาให้คุณได้อ่านเพื่อให้คุณแน่ใจว่าการซื้อเพชรครั้งหน้าคุณจะได้รับเพชรที่มีราคาดีที่สุด!

มีปัจจัยอะไรบ้างที่กระทบต่อราคาของเพชร?

เป็นที่ทราบกันดีว่าเพชรคือสินค้าที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ต่างๆมากนักยกเว้นปัจจัยเล็กๆน้อยๆเท่านั้น จากประวัติของราคาเพชรที่ผ่านมาช่วงปี 2008 ถึง 2009 ที่เกิดเหตุการณ์บริษัท Lehman Brothers บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการเงินของโลกได้ล้มละลายลงทำให้ราคาเพชรในขณะนั้นลดลงกว่า 6.5 %โดยประมาณ แต่เมื่อเทียบกับราคาของทองคำที่ลดลงไปมากถึง 21% ส่วนราคาทองคำขาวลดไปถึง 59%  ในขณะที่ดัชนีหุ้น s & p 500 ร่วงลงมากว่า 52%  ส่วนหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ก็ดิ่งลงเช่นกันกว่า 69%  แสดงให้เห็นว่าราคาของเพชรนั้นค่อนข้างที่จะนิ่งและมั่นคงกว่าการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์เพื่อการลงทุนหรือสินค้าลักซูรี่อื่นๆ.

 

นอกจากนี้หลักทรัพย์การลงทุนอื่นๆที่เป็นที่นิยมเช่นหุ้นสามัญ หุ้นกู้ อสังหาริมทรัพย์และอนุพันธ์ทางการเงินก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในครั้งนั้น ส่วนเพชรกลับเป็นสินค้าที่แทบไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในครั้งนั้นเลย เช่นเดียวกันกับวิกฤตการณ์ในตลาดหุ้นในปี 1987 ที่ราคาของเพชรก็ไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน.

ในปี 2020  ตลาดโลกได้หดตัวลงอีกครั้งเนื่องจากเหตุการณ์โรคระบาด covid-19  และในครั้งนี้เพชรก็เป็นสินค้าที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบเช่นกันคือราคาเพชรในตลาดโลกเปลี่ยนแปลงน้อยมากเมื่อเทียบกับสินค้าเพื่อการลงทุนอื่นๆ.

กราฟนี้แสดงราคากลางของเพชรในตลาดโลกหรือที่เราเรียกว่าราพาพอร์ต (Rapaport) เพื่อแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาเพชรตั้งแต่ปี 1978 ถึง 2019 

Diamond Prices using Rapaport Prices

จะเห็นได้ว่าราคาของเพชรมีแนวโน้มที่จะคงที่มาโดยตลอดโดยเฉพาะเพชรไซส์เล็ก ทั้งนี้เนื่องจากเพชรไซส์เล็กสามารถพบได้โดยทั่วไปตามเหมืองขุดเพชรต่างๆ ไม่เหมือนกับเพชรไซส์ใหญ่ซึ่งจะเจอได้ยากกว่า อย่างไรก็ตามเพชรดิบขนาดใหญ่ก็ยังเป็นของหายากจึงมีราคาสูงมาก จากกราฟนี้เราจะเห็นว่าในปี 2008 กราฟมีการตกลงเล็กน้อยทั้งนี้เนื่องมาจากผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในปีนั้นเอง.

ทำไมเราจึงไม่ควรอ้างอิงราคาเพชรในราพาพอร์ททั้งหมด?

ในเมื่อมีกราฟที่แสดงราคาเพชรในตลาดโลก ทำไมเราจึงไม่ใช้กราฟราคาเพชรอันนั้น?

 

กราฟราคาเพชรจากราพาพอร์ทเป็นราคากลางของเพชรร่วงแต่ละเม็ด ดังนั้นจึงสะท้อนถึงมูลค่าของเพชรแต่ละเม็ด ณ ขณะนั้น ซึ่งข้อมูลนี้จะมีประโยชน์กับผู้ค้าเพชรที่เอาไว้ประเมินราคาเพชรโดยคร่าวๆ กราฟราคาเพชรจากราพาพอร์ทนี้ดูง่ายและนำไปใช้ได้ง่าย อย่างไรก็ตามก็ยังมีปัญหาจากการใช้ราคาเพชรจากกราฟราพาพอร์ทด้วยเหตุผลหลายประการ ได้แก่:

  • ราคาเพชรในราพาพอร์ทคำนึงถึงข้อมูลพื้นฐานเรื่องน้ำหนัก สีและความสะอาดของเพชรเท่านั้นแต่ไม่ได้คำนึงถึงรูปทรง รูปทรงของเพชรหรือการเจียระไนก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้เพชรมีความสวยเปล่งประกายระยิบระยับ เพชรที่มีรูปทรงต่างกันก็จะมีราคาต่างกันด้วย.

  • เพชรแม้จะมีเกรดเดียวกันแต่ก็มีความสวยและมีประกายระยิบระยับต่างกัน ยกตัวอย่างเช่นเพชร 2 เม็ดที่มีความใสระดับ SI2 เหมือนกัน เม็ดแรกเมื่อดูด้วยตาเปล่าก็อาจจะไม่เห็นตำหนิใดๆ ในขณะที่อีกเม็ดหนึ่งอาจจะมองเห็นตำหนิเล็กๆภายในก็เป็นได้ อีกตัวอย่างหนึ่งเพชรสองเม็ดน้ำ100เหมือนกัน เม็ดหนึ่งอาจจะดูแล้วเป็นสีใสสะอาด ในขณะที่อีกเม็ดหนึ่งมีสีพร่ามัวอันเนื่องมาจากแสง fluorescence ดังนั้นเพชร 2 เม็ดแม้จะมีเกรดเดียวกันแต่เม็ดที่ดูด้วยตาเปล่าแล้วสวยกว่าก็จะมีราคาแพงกว่า.

  • ราคาเพชรในราพาพอร์ทจะตั้งในราคาที่สูงอยู่แล้ว ร้านจิวเวลรี่ต่างๆก็จะให้ส่วนลดกับลูกค้าและบอกกับลูกค้าว่าคุณได้รับส่วนลดเยอะมากจากราคากลางของเพชร ดังนั้นลูกค้าที่ซื้อเพชรที่ไม่มีความรู้ในเรื่องราพาพอร์ทก็อาจจะหลงเชื่อได้ง่าย.

เราขอแนะนำให้คุณอ่านบทความของเราเรื่อง ซื้อเพชรอย่างไรให้ได้เพชรที่สวยที่สุดในงบที่จำกัด เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมว่าทำอย่างไรจึงจะซื้อเพชรให้ได้เม็ดใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดในงบประมาณที่คุณมี แล้วคุณจะสามารถซื้อเพชรด้วยความมั่นใจมากขึ้นทั้งจากร้านเพชรออนไลน์หรือจากร้านเพชรที่มีหน้าร้านก็ได้.

ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาของเพชรอันมาจากผู้ค้าเพชรรายย่อย

นอกจากลักษณะภายนอกและความงามของเพชรที่ส่งผลต่อราคาของเพชรแล้ว ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆที่กระทบต่อราคาของเพชรอีกด้วย ปัจจัยเหล่านี้มาจากผู้ค้าเพชรรายย่อยที่มีส่วนในการกำหนดราคาเพชร.

  • ส่วนต่างกำไรของร้านจิวเวลรี่: ส่วนต่างกำไรนี้คือสิ่งที่ส่งผลต่อราคาของเพชรมากที่สุด ยิ่งเป็นร้านจิวเวอรี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างเช่น Tiffany's หรือ Harry Winston ก็ยิ่งบวกกำไรมากขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องมาจากห้างสรรพสินค้าที่เป็นที่ตั้งของร้านจิวเวลรี่เหล่านี้ก็คิดกำไรจากร้านจิวเวลรี่สูงเช่นกัน ดังนั้นร้านจิวเวลรี่ที่มีหน้าร้านจะมีค่าใช้จ่ายในร้านค่อนข้างสูงไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าที่ ค่าจ้างพนักงานและยังไม่รวมถึงค่าคอมมิชชั่นของพนักงานขายในร้าน ดังนั้นค่าใช้จ่ายเหล่านี้จึงถูกผลักภาระมาอยู่ที่ลูกค้าผู้ซื้อจิวเวลรี่นั่นเอง แต่หากเป็นร้านจิวเวอรี่ขายเครื่องเพชรออนไลน์ก็จะมีค่าใช้จ่ายในร้านที่น้อยกว่าดังนั้นจึงสามารถขายเพชรในราคาที่ถูกกว่าได้ เราขอแนะนำให้คุณอ่านบทความเรื่อง ซื้อเพชรจากร้านออนไลน์หรือออฟไลน์แบบไหนดีกว่ากัน.

  • นโยบายร้านจิวเวลรี่แต่ละแห่ง: ร้านจิวเวลรี่บางร้านจะรับประกันคุณภาพของจิวเวลรี่ตลอดการใช้งาน หรืออาจให้บริการปรับแก้ขนาดได้ฟรี หรือมีการันตีซื้อคืน 100%  ทั้งนี้นโยบายของแต่ละร้านก็จะส่งผลต่อราคาขายเครื่องเพชรแต่ละชิ้นเช่นกัน.

bottom of page